ชาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้

จึงได้นำข้าวสายพันธุ์ไทยนำมาเป็นเครื่องดื่ม จนในที่สุดก็ได้ ชาจากต้นอ่อนข้าว ชาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นการนำภูมิปัญญาชาวบ้านมาประยุกต์ในการพัฒนาการผลิตจนเป็นชาใบข้าวหอมมะลิที่เป็นชาสายเลือดชาวทุ่งกุลาร้องไห้ที่ผลิตด้วยความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด ตั้งแต่
การคัดเลือกพันธ์ โดยใช้ ข้าวหอมพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 การเตรียมดินเพาะกล้าการเก็บเกี่ยวในระยะเวลาที่เหมาะสมคือ ช่วงเวลาในการเก็บใบชาเกษตรกร ต้องเก็บใบข้าวตั้งแต่ตี 4 เพื่อไม่ให้ใบข้าวหอมมะลิโดนแสงแดดและเป็นช่วงที่ใบข้าวยังไม่ได้คายน้ำ จะทำให้ใบข้าวคุณค่าของสารอาหารที่มี

รสชาติ
ชาจากใบต้นอ่อนข้าวไม่มีรสฝาดเหมือนชาจีน แต่จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของข้าวหอม

สารอาหาร
สำหรับปริมาณวิตามินและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย นักวิจัย พบว่า ในชาเขียวจากต้นอ่อนข้าวหอมมีวิตามินซี 4.42-6.60 มิลลิกรัม/100 กรัมวิตามินอี 4.18-5.34 มิลลิกรัม/100 กรัม คลอโรฟิลล์ 7.68-8.69 มิลลิกรัม/100 กรัม และเบต้ากลูแคน 4.01-4.16 มิลลิกรัม/100 กรัม

คุณประโยชน์
1. วิตามินซีมีคุณสมบัติช่วยสร้างภูมิต้านทานแก่ร่างกายช่วยเสริมสร้างผิวหนัง ฟัน
และหลอดเลือด
2. วิตามินอีจำเป็นต่อการเจริญและพัฒนาของเซลล์ประสาท ป้องกันการแตกสลายของ
เยื่อหุ้มเซลล์
ทั้งวิตามินซีและอียังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ซึ่งช่วยลดและป้องกันการเกิด
มะเร็งอีกด้วย
4. คลอโรฟิลล์ มีคุณสมบัติช่วยปลดปล่อยธาตุที่มีประโยชน์ต่อขบวนการเมตาบอลิซึมใน
ร่างกาย ช่วยกระตุ้นการเจริญและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง
5. เบต้ากลูแคนมีคุณสมบัติช่วยลดโคเลสเตอรอล ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดและลดความดันโลหิต
6. ในรากข้าวมี oryzarans A ,B ,C, D ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
7. ต้นข้าว มีไฟเบอร์ช่วยย่อยอาหาร บำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย

ที่มา : http://teaofrice.blogspot.com/2015/04/TeaofRice_67.html